ไม่กี่วันที่ผ่านมาติดตาม “พระเทพเสนาบดี” เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ในฐานะประธานติดตาม ตรวจเยี่ยม และประเมินผล โครงการ วัด ประชารัฐ สร้างสุข ระดับหนกลาง ไปที่ “วัดชลประทานรังสฤษฏ์” จังหวัดนนทบุรี มีพระเถระผู้ใหญ่หลายรูปเข้าร่วมประชุม ในส่วนของภาครัฐเห็น “พระเทพเสนาบดี”บอกว่า มีรองผู้ว่าจังหวัดนนทบุรี หัวหน้าส่วนราชการและผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าร่วมประชุม เพื่อประเมินติดตาม หลังจากประเมินติดตามแล้ว หากวัดไหนพอเป็น “โมเดล” แบบอย่างเพื่อให้วัดอื่น ๆ นำไปปรับปรุงต่อยอด ให้วัดตนเองได้ เหมือนกับวัดที่ได้รับคัดเลือก ให้เป็นอย่าง เวลาประชาชนเข้าไปทำบุญ เข้าไปพักผ่อน เข้าไปสนทนาธรรมก็จะเจริญหูเจริญตา ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของโครงการวัดประชารัฐสร้างสุขที่วางระบบไว้เป็นตัวเลขคือ 3 -5 -7-9
ความจริงคณะกรรมการโครงการวัดประชารัฐสร้างสุข ระดับหนกลางนี้ ท่านมิได้ลงดูแค่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ เท่านั้น ระหว่างวันที่ 11-14 ธันวาคม 66 ท่านลงไปดู 6 วัน มีทั้งจังหวัดสระบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นนทบุรี และจังหวัดชลบุรี
“ผู้เขียน” ตอนที่ลงติดตามโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เคยได้ยิน “พระเทพเสนาบดี” พูดในวงเสวนาบ่อย ๆ ว่า 3 -5 -7-9 ก็ไม่ได้สนใจว่ามันคืออะไร เวลามาถอดรหัสตัวเลขเหล่านี้แล้ว “เข้าท่า” หมายเลข 3 คือ พันธกิจ 3 ด้านได้แก่ ด้านกายภาพ ด้านสังคม และด้านปัญญา หมายเลข 5 คือ เครื่องมือพัฒนาตามหลัก 5 ส.ที่พวกเราได้ยินบ่อย ๆ คือ สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐาน และสร้างวินัย หมายเลข 7 คือ คือ ขั้นตอนที่ต้องทำให้วัดเป็นสถานที่สัปปายะ
ความหมายของสัปปายะ ก็คือ สัปปายะสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ที่มาเกื้อกูลให้การประพฤติปฎิบัติธรรม เป็นไปด้วยความสบายกาย สบายใจ โดยหลักสัปปายะมีอยู่ด้วยกัน 7 อย่างคือ 1.ที่อยู่เหมาะสม สงบ พื้นที่สะอาดสะอ้าน ไม่พลุกพล่านจอแจ 2. การเดินทางเหมาะสม ไปมาสะดวก ถนนหนทางเรียบร้อย ไม่ซับซ้อนวกไปวกมา 3. การพูดคุยเหมาะสม สนทนาแต่เรื่องดีๆ สร้างประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่มอมเมาไปในทางที่ผิด 4. บุคคลเหมาะสม มีผู้รู้ ครูบาอาจารย์ และกัลญาณมิตร คอยชี้แนะชักนำไปในทางที่ถูกที่ควร 5. อาหารเหมาะสม 6. อากาศเหมาะสม สดชื่น ร่มรื่น ร่มเย็น ไม่ร้อน ไม่หนาวเกินไป 7. อิริยาบถเหมาะสม จัดการพื้นที่ให้ยืน นั่ง เดิน ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่อึดอัดระหว่างการปฎิบัติธรรม
ส่วนหมายเลข 9 ก็คือ สถานที่ 9 จุดในวัดได้แก่ ป้ายวัด ถนน ห้องสุขา คลังสงฆ์ ขยะ โรงทาน สภาพแวดล้อม ระบบไฟฟ้า และสุขาภิบาล เวลาไปประเมินคณะกรรมการชุดนี้ก็จะไปดูตามความหมายของเลขชุดนี้เป็นหลัก
ความจริง “วัดชลประทานรังสฤษฏ์” ถึงไม่มีโครงการวัดประชารัฐสร้างสุข วัดแห่งนี้ก็มีชื่อเสียงมานานแล้ว เรื่องความเป็นสัปปายะแก่ชาวพุทธ เมื่อเข้าไปแล้วสบายกาย สบายใจ สบายตา และสบายหู สอดคล้องกับหลักการ 5 ส. เพราะฉะนั้นเมื่อคณะกรรมการโครงการ วัด ประชารัฐ สร้างสุข ลงพื้นที่วัดแห่งนี้ วัดอื่น ๆ ได้แต่ “ทำใจ” เพราะการประเมินคณะกรรมการท่านคงไม่ได้ดูเฉพาะหน้า คงดูทั้งความเป็นมา สภาพปัจจุบัน และความยั่งยืนในอนาคต หลังจากได้รับคัดเลือกให้เป็น “วัดนำร่อง” แล้วด้วย คือ ทำอย่างไรให้เป็น “วัดตัวอย่าง” จริง ๆ มิใช่หลังจากคณะกรรมการกลับไปแล้ว ไม่ถึงเดือน ป้ายหลุด ห้องน้ำสกปรก วัดรกร้าง มีแต่ขี้หมา ขี้แมว เหมือนเดิม เสียชื่อคณะกรรมการประเมินอันมีประธานชื่อ “พระเทพเสนาบดี” หมด ซ้ำเสียหน้า “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคมที่เป็น “หัวเรือใหญ่” โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข ที่มอบหัวใจหน้าที่ให้คณะกรรมการชุดนี้ดูแลแทน..
“ผู้เขียน” เคยเข้าไปวัดชลประทานรังสฤษฏ์แห่งนี้น่าจะเมื่อ 15 ปีที่แล้ว นานมาแล้ว ยุคที่หลวงพ่อปัญญานันทะ ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นหากจำไม่ผิดไปถ่ายทำรายการทีวี ไปสัมภาษณ์หลวงพ่อปัญญานันทะ ที่ลานธรรม ปัจจุบันวัดพัฒนาไปไกลมาก มีสถานที่จอดรถ มีลานวัดสะอาด เสียดายว่า คราวนี้มีเวลาน้อยเนื่องจากมีดภารกิจอื่น ๆ จึงไม่ได้อยู่ได้นาน ปกติเวลา “ผู้เขียน” ไปวัดไหนชอบเดินชมดูทั้งภายในวัดและนอกวัด บางครั้งก็คุยกับชาวบ้านรอบวัด พระภิกษุ -สามเณรภายในวัด เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการเขียนเล่าเรื่องในลักษณะแบบนี้
ปัจจุบันวัดชลประทานรังสฤษฏ์ “พระราชวัชรธรรมภาณี” เป็นเจ้าอาวาส รูปนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความเป็นระเบียบ เรื่องความสะอาด เรื่องวิสัยทัศน์ เรืองสอนคนให้เป็นคน ชื่อเสียงโด่งดังไม่ใช่แค่ตอนมาเป็น “เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์” เท่านั่น มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสวัดปัญญานันทาราม เจ้าคณะตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี แล้ว
Leave a Reply