ศูนย์พิทักษ์ ฯ จัดงาน “วันมหาสังฆประชาปีติ”

             วันที่ (20 ก.ย.63) ที่ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดราชาธิวาสวิหาร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร มีการจัดงาน วันมหาสังฆประชาปีติ” ปีที่ 18  เพื่อรำลึกถึงการที่ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย นำมวลชนไปกดดันรัฐบาลยุคคุณทักษิณ ชินวัตร หน้ารัฐสภา เพื่อเรียกร้องกระทรวงพระพุทธศาสนา แล้ว ได้มาซึ่ง “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” เมื่อปี 2545  และทั้งกำหนดเอาวันนี้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับสมาชิกศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยที่เสียชีวิตด้วย

               ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มี พระเทพประสิทธิมนต์ เจ้าอาวาศวัดศรีสุดาราม กรุงเทพ ฯ กรรมการที่ปรึกษามาร่วมงานพร้อมร่วมทอดผ้าป่าสมทบทุน 50,000 บาท มี พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล กรรมการที่ปรึกษาและ พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 สน.  ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา คุณกำพล ภู่มณี อดีตสมาชิกวุฒิสภาคนดัง  รวมทั้งมีพระสงฆ์และชาวพุทธเดินทางมาร่วมงานจากหลายจังหวัด

             พระธรรมกิตติเมธี  กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวกว่า “หากชาวพุทธเราไม่สู้ในยุคนั้น เราไม่มีสำนักงานพระพุทธศาสนาในวันนี้ เพราะในยุคนั้นคนร่างกฎหมายเขาตั้งใจจะยุบกรมการศาสนา ซึ่งหากเป็นไปดังที่เขาคิดเอาไว้ การเชื่อมโยงระหว่างคณะสงฆ์และราชการ รวมทั้งสถาบันอื่น ๆ จะขาดหายไปทันที ความจริงศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยตั้งใจเอาไว้ว่าเกิดขึ้นเฉพาะกิจ แต่สุดท้ายเราก็ทำงานด้านเพื่อพระพุทธศาสนาเรื่อยมา ยิ่งปัจจุบันการรุกคืบของบางศาสนาหนักหน่วงมาก ชาวพุทธเราชะล่าใจไม่ได้ เราต้องร่วมกันปกป้องพระพุทธศาสนา และรวมทั้งสถาบันหลักอื่น ๆ ของชาติ…”

            ในขณะที่บนเวทีสัมมนากำหนดหัวข้อสนทนาไว้ว่า “การปรับตัวของชวพุทธในยุค New Normal” วิทยากรประกอบด้วย พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะ เลขาธิการ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ระมหา ดร.ปราโมทย์ ปโมทโย ผอ.สถานีโทรทัศน์ ดีดีทีวี,ดำเนินรายการโดย คุณอรอุมา เกษตรพืชผล

            พระเมธีธรรมาจารย์กล่าวตอนหนึ่งว่า “ต่อจากนี้ไป พฤติกรรมคนเปลี่ยน วัดและพระสงฆ์เราก็จะต้องเปลี่ยนตาม เด็กยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ต้องการสิ่งที่  เข้าใจง่าย เร็ว กระชับ และตรงประเด็น การอธิบายหลักธรรมะแบบเดิม ใช้ไม่ได้กับคนรุ่นใหม่ พระสงฆ์และวัดเราก็ต้องปรับตัวให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของยุค New Normal

            สิ่งที่พวกเราชาวพุทธจะต้องคิดต่อก็คือว่า พระพุทธศาสนาจะอยู่ตรงไหนในโลกใบใหม่ คือ หลัง New Normal ..”  พระเมธีธรรมาจารย์กล่าวทิ้งท้าย เชิงคำถาม

         นอกจากนี้วันนี้ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยมีการตั้งคณะกรรมการเพิ่มเข้ามาใหม่หลายคน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนา

         สำหรับศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2544  มูลเหตุมาจาก การที่คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษาในยุคนั้นได้ยกร่าง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการศึกษา ศาสนา ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้คณะสงฆ์และชาวพุทธ เห็นว่า หากประกาศใช้ออกไป จะมีผลกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระพุทธศาสนาอย่างรุนแรง นั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างรุนแรง โดยสิ้นเชิง จึงตั้งศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ 6 ข้อ

  1.  เพื่อปกป้องรักษาและส่งเสริมพระพุทธศาสนา ให้คงอยู่เป็นศาสนาประจำชาติไทยและเป็นมรดกอันล้ำค่าของปวงชนชาติไทย

  2. เพื่อเป็นเครือข่ายในการแสวงหาความร่วมมือในการเรียนรู้และศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเถรวาท และเป็นเครือข่ายในการพิทักษ์ต่อสู้เพื่อความถูกต้องแห่งพระสัทธรรมตามหลักพระไตรปิฏกเถรวาท

  3. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และติดตามสถาน การณ์ความเคลื่อนไหวอันจะเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา

  4. เพื่อให้เป็นเครือข่ายในการพิทักษ์ในการต่อสู้เพื่อความถูกต้องให้แก่พระพุทธศาสนา บุคลากรของพระพุทธศาสนา และพระพุทธศาสนิกชน

  5. เพื่อเป็นศูนย์รวมพลังและประสานสามัคคีระหว่างพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกประเทศ เพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา

  6. เพื่อบริการความรู้ทางวิชาการพระพุทธศาสนาและความเข้าใจที่ถูกต้องแก่องค์การและสถาบันต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

        ซึ่งต่อจากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่าศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ในฐานะเป็นองค์กรชาวพุทธหัวก้าวหน้าองค์กรเดียวในสังคมไทยจะปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างไร ท่ามกลางพายุคลื่นที่พัดเข้ามารอบด้าน…

***********************

Leave a Reply