วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2563 ตามสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย การประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตประจำวัน และฐานะทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความยากลำบากในหมู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือตกอยู่ในภาวะที่ต้องปรับรูปแบบการดำรงชีวิตอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งทรงพระดำริว่า วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนคู่กับสังคมไทยมานับแต่โบราณตราบจนปัจจุบัน วัดไม่เพียงแต่เป็นที่พำนักของพระภิกษุสามเณร แต่ยังเป็นสถานสาธารณสงเคราะห์ของชุมชนด้วย จึงสมควรที่จะให้วัดที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะอนุเคราะห์ประชาชนผู้ประสบความยากลำบาก ดำเนินภารกิจตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่นับแต่อดีตกาล
สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาสั่งการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ประสานงานกับวัดทั่วราชอาณาจักรซึ่งมีศักยภาพเพียงพอ จัดตั้งโรงทาน ช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากในสถานการณ์โรคระบาด ทั้งนี้ มิใช่การบังคับ แต่เป็นการกำหนดแนวทางประสานความร่วมมือ โดยให้คำนึงถึงความความพร้อมของแต่ละวัด ประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในชุมชนนั้นๆ เป็นสำคัญ อีกทั้งให้ประสานภารกิจร่วมกับหน่วยงานและบุคลาการทางการแพทย์และการสาธารณสุขซึ่งมีประจำอยู่ในแต่ละพื้นที่ ในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงทาน และการแจกจ่าย ให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัย โดยต้องไม่มีการจัดพิธีการ พิธีกรรม กิจกรรม หรือการบริหารจัดการใดๆ ที่ต้องให้บุคคลจำนวนมากมารวมตัวกัน กับทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่ง มาตรการ และคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด
คณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สนองพระดำริ สมเด็จพระสังฆราช ตั้งโรงทานช่วยเหลือผู้ได้รับความยากลำบากในสถานการณ์โรคระบาด โดยดำเนินการในลักษณะโรงทานเคลื่อนที่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงแท้จริง เนื่องจากวัดที่มีศักยภาพส่วนใหญ่จะอยู่ในตัวเมืองพระนคร
หากให้ประชาชนมารับอาหารที่วัด จะมีแต่กลุ่มประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้วัดที่เดินทางสะดวก และก็จะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ ทำให้ความช่วยเหลือกระจายไปไม่ทั่วถึงทุกพื้นที่ และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ประชาชนลดการเคลื่อนที่เพื่อป้องกันการแพร่โรคระบาด อีกทั้งผู้ที่เดือดร้อนส่วนใหญ่มักประสบปัญหาในการเดินทาง จึงให้เจ้าคณะผู้ปกครองคณะสงฆ์ร่วมกับส่วนราชการแบ่งสายลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภค บริโภค ให้ประชาชน ตามพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งจังหวัด
โดยเครื่องอุปโภคประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ น้ำมัน เครื่องปรุงต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความลำบาก มีอาหารสำหรับรับประทานได้อีกหลายวัน
ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ กล่าวว่าซาบซึ้งในความเมตตาของสมเด็จพระสังฆราชและคณะสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้้ทุกคนเดือดร้อนลำบากกันหมด ไม่รู้จะพึ่งใคร โชคดีที่มีคณะสงฆ์มาช่วยเหลือ
Leave a Reply