“ตามที่ดิฉันได้เขียนข้อความลงเฟสบุ๊คระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2563 นั้น มีข้อความบางตอนที่พาดพิงการบริหารงานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย รวมถึงกระบวนการส่งผลการเรียนไปยังคุรุสภาของคณะครุศาสตร์เพื่อขอใบประกอบวิชาชีพครูให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาปี พ.ศ.2563. ดิฉันได้มีโอกาสพบผู้บริหารของคณะครุศาสตร์แล้ว จึงทราบว่า ดิฉันเข้าใจผิดและมีข้อมูลบางอย่างที่มีความคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน”
โพสต์ข้อความนี้เป็นโพสต์การยอมรับว่า ตนเองเข้าใจผิดของ รองศาสตราจารย์ ดร. ลลิตา ฤกษ์สำราญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 สืบเนื่องระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2563 ได้โพสต์ข้อความพาดพิงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายและชื่อเสียงของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) หลายข้อความด้วยกัน รวมทั้งได้ไปฟ้องร้องเพื่อให้ตรวจสอบการบริหารของ มจร รวม 6 แห่ง คือ
1.กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
2.สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
3.คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร
4.คณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร
5.คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร
6.สถานีตำรวจภูธรวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
แหล่งข่าวจาก คณะครุศาสตร์ มจร ได้กล่าวว่า กรณีนี้ผู้บริหารคณะครุศาสตร์ได้มอบหมายให้ ดร.สมศักดิ์ บุญปู่ ไปเป็นโจทย์ยื่นฟ้องร้องศาลในความผิดอาญามาตรา 328 คือความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร…หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท ต่อ ดร. ลลิตา ฤกษ์สำราญ
เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ชั้นศาลและมีการไกล่เกลี่ย ประณีประนอม ยอมความ จำเลยยอมรับว่า “เข้าใจผิดและมีข้อมูลบางอย่างที่มีความคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..”
โดยทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต้องการให้ รองศาสตราจารย์ ดร. ลลิตา ฤกษ์สำราญ ในฐานะจำเลย จะต้องถอนคำร้องทุกข์ คำร้อง หนังสือร้องเรียน และไม่ติดใจที่จะดำเนินการตามคำร้องทุกข์อีกต่อไปจาก 6 หน่วยงานที่ร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งจะลงข้อความในเฟชบุ๊คส่วนตัว,วารสารของคณะครุศาสตร์และเว็บไซร์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นเวลา 15 วัน ตามข้อความที่ปรากฏอยู่ข้างต้น พร้อมกับเข้าชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้บริหารระดับสูงต่อไป..
ดร.สมศักดิ์ บุญปู่
Leave a Reply