วันที่ 21 ตุลาคม 2566 คณะกรรมการตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับสถาบัน ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ ดร.บังอร เสรีรัตน์ ประธานกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา พัดเกตุ กรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.เชษฐา จักรไชย กรรมการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิคม มูลเมือง กรรมการ และรองศาสตราจารย์ ดร.ธัชชนันท์ อิศรเดช กรรมการและเลขานุการ นำเสนอข้อมูลผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2565 มีพระธรรมวัชรบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และผู้บริหาร เข้าร่วมฟังผลการประเมิน ณ ห้องประชุม 401 อาคารสำนักงานอธิการบดี ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

พระมหาชำนาญ มหาชาโน รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ เผยว่า การประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับสถาบัน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปีการศึกษา 2565 คณะกรรมการตรวจประเมินได้ดำเนินการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน ระหว่างวันที่ 18-20 ตุลาคม พ.ศ.2566 ตามกระบวนการในระบบประกันคุณภาพของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยใช้ตัวบ่งชี้และเกณฑ์ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบัน ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) 13 ตัวบ่งชี้ และตัวบ่งชี้เพิ่มเติมของมหาวิทยาลัยตามมาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ.2561 จำนวน 7 ตัวบ่งชี้ ซึ่งประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ 1 การผลิตบัณฑิต องค์ประกอบที่ 2 การวิจัย องค์ประกอบที่ 3 การบริการวิชาการ องค์ประกอบที่ 4 การทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และ องค์ประกอบที่ 5 การบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น 20 ตัวบ่งชี้

“ปัจจุบันส่วนงานจัดการศึกษาของมหาจุฬาฯ ใช้เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ EdPEx “Education Criteria for Performance Excellence” จำนวน 12 ส่วนงาน คณะกรรมการ กล่าวถึงจุดเด่นของมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยมีจุดแข็งเรื่องการเป็นมหาวิทยาลัยด้านพุทธศาสนา สามารถทำวิจัยด้านพุทธศาสนาที่เป็นที่สนใจในวงวิชาการได้ในระดับโลก และมีการจัดประชุมทางวิชาการระดับชาติและนานาชาติอย่างสม่ำเสมอทุกปี ซึ่งผลการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในครั้งนี้ อยู่ในระดับ “ดีมาก” ได้คะแนน 4.52 “

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสถาปนาขึ้น เมื่อปีพุทธศักราช 2430 เพื่อเป็นสถาบันการศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูงสำหรับพระภิกษุ สามเณรและคฤหัสถ์ ต่อมา ในปีพุทธศักราช 2540 ได้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้มีสถานภาพเป็นนิติบุคคล และเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา วิจัย ส่งเสริมและให้บริการทางวิชาการพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ รวมทั้งการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

ปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยจัดการศึกษา 5 คณะ 11 วิทยาเขต 30 วิทยาลัย 1 โครงการขยายห้องเรียน และ 1๑ หน่วยวิทยบริการ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันสมทบในต่างประเทศ 5 แห่ง มีจำนวนทั้งหมด 293 หลักสูตร โดยจำแนกเป็น ปริญญาตรี 170 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2 หลักสูตร ปริญญาโท 78 หลักสูตร ปริญญาเอก 43 หลักสูตร มีอาจารย์ทั้งหมด 1,351 รูป/คน จำแนกเป็นปริญญาโท 493 รูป/คน ปริญญาเอก 805 รูป/คน และมีตำแหน่งทางวิชาการ จำนวน 473 รูป/คน จำแนกเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ 348 รูป/คน รองศาสตราจารย์ 117 รูป/คน และศาสตราจารย์ 8 รูป/คน ผลิตผลงานวิชาการตีพิมพ์เผยแพร่ 1,276 เรื่อง นิสิตทั้งสิ้น 19,704 รูป/คน จำแนกเป็น ปริญญาตรี 14,246 รูป/คน ปริญญาโท 3,427 รูป/คน ปริญญาเอก 2,031 รูป/คน ในจำนวนนิสิตทั้งสิ้นมีนิสิตชาวต่างประเทศ 1,383 รูป/คน จาก 28 ประเทศ นิสิตสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2565 ทั้งสิ้น 6,189 รูป/คน จำแนกเป็นปริญญาตรี 2,920 รูป/คน ปริญญาโท 2,877 รูป/คน และปริญญาเอก 392 รูป/คน..



Leave a Reply